ค่ำคืนหนึ่งในศึกยูโร 2020 ที่ควรจะเป็นแค่เกมธรรมดาระหว่าง เดนมาร์ก กับ ฟินแลนด์ กลับกลายเป็นวันที่ทั้งโลกหยุดหายใจ เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น กองกลางตัวเก่งของเดนมาร์ก ล้มลงกลางสนามแบบไร้สัญญาณเตือน ทีมแพทย์วิ่งกรูลงมา CPR ท่ามกลางสายตานักเตะและแฟนบอลนับล้าน ขณะที่เพื่อนร่วมทีมยืนล้อมวงร้องไห้ โลกทั้งใบของฟุตบอลเงียบงันในช่วงเวลานั้น
แต่ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เอริคเซ่นฟื้นขึ้นมา และรอดชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Cardiac Arrest) ท่ามกลางความโล่งใจของคนทั้งโลก เขาไม่ได้แค่รอด เขากลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติ และไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขา "กลับมาเล่นฟุตบอลอีกครั้ง" ด้วยหัวใจที่มีเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าติดอยู่ข้างใน มันไม่ใช่แค่เรื่องของกีฬา แต่มันคือการต่อสู้ของคนคนหนึ่ง ที่ไม่ยอมให้โชคชะตาปิดสนามของเขาลง
ปีต่อมา เอริคเซ่นได้กลับมาสู่สนามพรีเมียร์ลีกในสีเสื้อของเบรนท์ฟอร์ด และได้รับเสียงปรบมือดังก้องจากแฟนบอลทุกสนามที่เขาไปเยือน รวมถึงแฟนบอลคู่แข่ง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของทีมไหนชนะ แต่มันคือเรื่องของ "ชีวิตที่ชนะ" เขากลับมาเป็นเอริคเซ่นคนเดิม เล่นบอลด้วยหัวใจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม และในที่สุด ก็ได้กลับมาติดทีมชาติเดนมาร์กอีกครั้ง
เรื่องราวของเอริคเซ่นไม่ใช่แค่การฟื้นจากการบาดเจ็บ แต่มันคือบทพิสูจน์ว่า ความรักในฟุตบอลสามารถพาเรากลับมาได้จากความมืดมนที่สุดของชีวิต “เล่าเรื่องลูกหนัง” เรื่องนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของนักฟุตบอลคนหนึ่ง แต่มันคือแรงบันดาลใจของคนทั้งโลกว่า ตราบใดที่หัวใจยังเต้น ความฝันก็ยังมีชีวิตอยู่







إرسال تعليق